30 เคล็ดลับเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ของ+แอพที่ต้องเตรียม-มารยาท-อินเตอร์เน็ต 4G ที่ญี่ปุ่น at iURBAN
ญี่ปุ่นจัดเป็น dream destination ของใครหลายคน ทั้งบ้านเมืองที่สวยงาม ธรรมชาติที่น่าสัมผัส ความครีเอทีฟของมหานครโตเกียว อาหารขึ้นชื่อจากแหล่ง หรือแม้แต่วิถีชีวิตและลักษณะนิสัยอันไม่เหมือนใครของชาวญี่ปุ่น ก็ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันไว้ว่าจะต้องมาสัมผัสดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต
แต่ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใครในโลกนี้เลย จึงมีหลายอย่างที่เราอยากแชร์ประสบการณ์หลังจากได้ไปสัมผัสมาแล้วให้คนที่สนใจจะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้เตรียมพร้อมก่อนไป มีอะไรน่าจะเตรียมตัวบ้าง ลองไปดูกันเลย
ของที่ต้องเตรียมเมื่อเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
1. ปลั้กพ่วง ได้ใช้แน่
สำหรับคนรุ่นใหม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น การมีปลั้กพ่วงไปเที่ยวญี่ปุ่นจะช่วยอำนวยความสะดวกแต่ละคืนที่เราจำเป็นต้องชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงแรม ลองคำนวนจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องชาร์จในแต่ละคืน เช่น 1. มือถือ 2. Power Bank 3. แบตเตอรี่กล้อง ฯลฯ ว่าทั้งหมดมีกี่เครื่อง จะได้เสียบแล้วนอนไปเลยไม่ต้องรอสลับ เลือกปลั้กพ่วงที่น้ำหนักเบาจะได้ไม่เป็นภาระมากนักเมื่อต้องเดินย้ายที่พัก และสายไฟยาวสัก 3 เมตร เผื่อกรณีปลั้กไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เราจะชาร์จ
2. หัวแปลงปลั๊ก
หัวแปลงแบบ 3 ขาเป็น 2 ขา เพราะที่ญี่ปุ่นใช้ไฟฟ้า 100v กำลังต่ำจึงไม่มีสายดิน ทำแบบนั้นได้เพราะลงทุนจุดจั้มสัญญานไฟเยอะ ต่างจากบ้านเราที่ใช้ไฟ 220v เพื่อให้ส่งไฟฟ้าไปได้ไกลๆ ญี่ปุ่นเลยใช้ช่องเสียบปลั้กส่วนใหญ่เป็นแบบแบน 2 รู (แบบไม่มีสายดิน) ซึ่งตรงกันข้ามกับปลั้กไฟของไทยรุ่นใหม่หลายชิ้นที่เป็นแบบ 3 ขา เราเลยแนะนำให้คุณพกหัวแปลงไปด้วย และถ้าเกิดเอาปลั้กพ่วงไป ใช้แปลงแค่ปลั้กพ่วงอันเดียวก็จบแล้ว ที่เหลือก็มาเสียบที่ปลั้กพ่วงได้โดยไม่ต้องแปลง สะดวกดี
3. รองเท้าดี เดินไกลกว่าใครเขา
เมื่อเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง “การเดิน” จัดเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าหากคุณได้รองเท้าผ้าใบดีๆ ที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าได้จะดีมาก หรือดีกว่านั้นถ้าเป็นรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบา รองเท้าดีๆ จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลงและเที่ยวได้เยอะขึ้นอีก เทคโนโลยีรองเท้าผ้าใบจะได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าก็ตอนเดินเที่ยวญี่ปุ่นนี่แหละ
4. ไม่อยากเหม็น พกถุงเท้าพอดีวัน
ด้วยความที่ต้องเดินเยอะ การเสียดสีของเท้ากับรองเท้าก็เยอะตามมา ถ้าใครเป็นคนที่มีกลิ่นเท้าก็จะยิ่งเหม็นมากเพราะการใช้งานหนัก เราจึงแนะนำให้คุณเตรียมถุงเท้ามาเปลี่ยนใหม่ทุกวันดีกว่าใส่ซ้ำ เพราะถุงเท้าที่ไทยราคาถูกกว่าที่ญี่ปุ่น ยกเว้นพวกถุงเท้าแบรนด์เนมแบบ Nike, Adidas ก็ราคาพอกัน สรุปว่า เตรียมจากไทยดีกว่า
5. ไม่ใช่แค่หนาวชิลๆ พกกันหนาวให้พร้อม
ลองเช็คพยากรณ์อากาศถึงสภาพอากาศช่วงนั้น ถ้าอุณหภูมิต่ำว่า 7 องศา ควรเตรียมอุปกรณ์กันลมหนาวมาด้วย ไม่งั้นความหนาวจะไม่ใช่แค่ชิล แต่อาจจะเย็นจนทรมานและเที่ยวไม่สนุกเลย ต้องการตรวจสอบสภาพอากาศ: accuweather.com หรือเสิร์ช Google
6. Power Bank
การมาเที่ยวญี่ปุ่นยุคนี้มือถือช่วยได้มหาศาล แต่แบตเตอรี่ส่วนใหญ่อาจอยู่ไม่ถึงวัน ยิ่งใช้เที่ยวญี่ปุ่นก็หมดก่อนแน่ Power Bank จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ชอบรุ่นไหนก็ตามสบาย แต่ควรดูที่มีจำนวนแอมป์กำกับบนก้อนเพื่อผ่านสนามบิน (สุ่มตรวจ) ที่มีความจุเยอะแต่ไม่หนักเกิน เพราะต้องพกเดินไปด้วยทั้งวัน และอย่าลืมสายชาร์จ Power Bank และ สายชาร์จโทรศัพท์มือถือ
แอพมือถือช่วยเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
สำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นในยุค 4G แบบนี้ ต้องรู้จักใช้มือถือช่วยให้เป็น สำหรับคนที่จะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แนะนำให้ใช้มือถือช่วยให้เที่ยวง่ายและสนุกมากขึ้น
7. ใช้แอพ Google Maps
สำหรับการเที่ยวที่ญี่ปุ่นนี่ไม่มีแอพแผนที่อะไรจะดีงามเท่า Google Maps อีกแล้ว เพราะแอพนี้ช่วยชีวิตได้เยอะมาก
วางแผนการท่องเที่ยว
เซฟจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ตั้งใจจะไปไว้จากที่เมืองไทยก่อนก็ได้ เมื่อถึงที่ญี่ปุ่นหน้างานอาจต้องเปลี่ยนแผนกลางอากาศ ก็สามารถทำได้สบายโดยไม่ต้องไปเสียเวลาอันมีค่าทุกวินาทีที่ญี่ปุ่นเพื่อมาคิดกันว่า “เราจะไปไหนกันต่อดี”
หาสายรถไฟ
แม้จะมีแอพพลิเคชั่นดูสายรถไฟญี่ปุ่นหลายแอพ แต่เรายังคงแนะนำ Google Maps สำหรับการดูอย่างรวดเร็ว เพียงกำหนดสถานีต้นทางและปลายทางที่ต้องการ Google Maps จะแสดงรถไฟฟ้าทุกสายที่สามารถเดินทางไปได้ พร้อมทั้งเปรียบเทียบราคา เวลาการเดินทาง จุดต่อรถ แถมยังแนะนำอีกว่าสายไหนเร็วที่สุด หรือสายไหนถูกที่สุดอีกด้วย
หาทางเดิน
เมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่นมันไม่ใช่ว่าจะเดินทางไหนก็ได้ เพราะต้องเดินอีกเยอะควรจะเก็บแรงไว้ด้วยการเดินในระยะทางที่สั้นที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวที่ตั้งใจจะไปมากกว่าเดิม
แถวนี้มีอะไรกิน
ฟีตเจอร์นี้ทำให้สามารถหาร้านกินดื่มที่น่าสนใจได้จากในย่านแผนที่ที่ต้องการ ปุ่ม “Explore food & drink near …..” จะขึ้นมาเองเมื่อมีร้านเยอะพอ ลองที่กรุงเทพไม่ค่อยขึ้น แต่วิธีนี้ พอใช้ได้สำหรับการหาร้านใกล้ๆ ที่ญี่ปุ่นในขณะที่หิวมากกก
ช่วงนี้มีอะไรน่าเที่ยว
ถ้าช่วงนั้นมีอีเวนท์พิเศษ Google Maps ก็จะบอกด้วย เช่น ฤดูซากุระ ก็จะแจ้งว่า มีตรงไหนที่คุณสามารถแวะไปเที่ยวชมซากุระได้บ้าง
เพื่อนฉันอยู่ไหน? Share Location
ฟังก์ชั่นนี้เพิ่งมาใหม่ใน Google Maps ให้คุณสามารถแชร์จุดที่คุณอยู่แบบ real-time กับเฉพาะคนที่คุณเลือกได้เลย ดีมากๆ เมื่อต่างคนต่างแยกที่ไปเที่ยว ไม่ต้องกลัวหากันไม่เจอ จากที่ทดสอบ: ใช้กับ PocketWiFi เครื่องเดียวไม่ได้ เพราะต้องต่ออินเตอร์เน็ทตลอดเวลา และไม่แม่นยำเมื่ออยู่ indoor ถ้าอยู่ outdoor รับสัญญานจากดาวเทียมตรงก็เวิร์คอยู่
8. ใช้แอพ Foursquare
แม้คุณจะหาของกินได้จาก Google Maps ได้แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า Foursquare เป็นแอพพลิเคชั่นที่คนนานาชาตินิยมใช้มากกก มีรีวิวสถานที่มากกว่า Google Maps เสียอีก เราจึงอยากแนะนำให้ใช้ Foursquare เพื่อหาข้อมูลร้านและสถานที่
เทคนิคการใช้ Foursquare เที่ยวญี่ปุ่น
- ต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะภาษาไทยยังมีบั้ก อาจทำให้คุณหาร้านอะไรไม่เจอเลย
- นอกจากจะหาร้านของกินแล้ว Foursquare ยังสามารถหาสถานที่ยอดนิยมได้หลายประเภท
- เสิร์ช Top Picks อันนี้เจ๋งมาก แถวนั้นมีอะไรเด็ดสุด ทั้งร้านและสถานที่รวมกัน กดปุ่มนี้
- คุณสามารถเลือกดู list ได้แบบ map ด้วย
- Foursqure มีขุมทรัพย์ข้อมูลที่เกิดจาก users เป็นลิสอันดับ Top15 ไว้หลากหลายประเภท ข้อเสียคือ ไม่สามารถเข้าทางแอพได้ คุณต้องเข้าทางเว็บอย่างเดียว คลิกที่นี่ https://foursquare.com/top-places/tokyo Top 3 อันดับแรกทุกลิสเด็ดจริง คอนเฟิร์มโดยคนญี่ปุ่น
9. ใช้แอพ Google Trips
อยากรู้ว่าเที่ยวไรดีที่นี่เป็นไกด์ได้ ว่าจะไปเที่ยวไหนดี เหมาะสำหรับความชอบคนหลายรูปแบบอย่าง Tokyo จะมีหลายประเภท เช่น
- Top Spots: ที่เด็ด ยอดนิยม
- Local Favorites: สถานที่ยอดนิยมของคนถ้องถิ่น (เช่นคนญี่ปุ่นจังหวัดนั้นๆ)
- Futuristic Tokyo: เที่ยวโตเกียวแบบล้ำยุค
- Sacred Gardens: เที่ยวสวนแนวศักดิ์สิทธิ์ (วัดวาอารามณ์)
- Karaoke: คาราโอเกะไง (ตรงตัวเลย)
- Hot Springs & Bath: บ่อน้ำพุร้อนและห้องอาบน้ำ
- Hip Shops: แหล่งช็อปปิ้งอินเทรนด์
- Indoors: สถานที่เที่ยวในร่ม
- Outdoor: สถานที่เที่ยวเปิดโล่ง
- Kid Friendly: สถานที่เที่ยวที่เหมาะกับเด็ก
- Father Away: สถานที่เที่ยวเอาใจพ่อแม่
10. ใช้แอพ Google Translate
แอพแปลภาษาที่แม่ค้าญี่ปุ่นก็ใช้คุยกับนักท่องเที่ยวเช่นกัน ไม่เฉพาะคนไทยที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ คนญี่ปุ่นก็เช่นกัน ดังนั้นทั่วประเทศญี่ปุ่นแม้จะมีป้ายภาษาอังกฤษด้วยแต่ก็ใช้ภาษาญี่ปุ่นกันเป็นภาษาหลัก คนพูดญี่ปุ่นได้ก็แล้วไป แต่ถ้าพูดไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล ด้วยแอพพลิเคชั่นนี้ จะช่วยให้คุณสามารถมั่วซั่วภาษาไปได้ราวกับเป็นเพื่อชาติเดียวกันเลย
Google Translate จะเป็นอีกหนึ่งแอพที่ช่วยเหลือคนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้มาก เพราะนอกจากพิมพ์ให้แปลแล้ว ยังสามารถ พูดใส่ไมค์ให้แปล และถ่ายรูปให้แปลได้อีกด้วย ความเทพขึ้นมาอีกขั้นก็คือ ถ้าหากต่อเน็ตเร็วๆ แอพนี้จะสามารถแปลภาพที่เล็งด้วยกล้องถ่ายรูปอยู่ได้แบบ real-time เลย
Tip: ถ้าเกิดคุณชำนาญภาษาอังกฤษพอใช้ได้ ให้แปลจาก Japanese -> English จะค่อนข้างแม่นยำมากกว่าแปลเป็นไทยในบางจังหวะ
11. แอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่อาจช่วยคุณได้
- Tabimori แอพที่คนญี่ปุ่นยังตั้งบู๊ทโปรโมทโฆษณาอยู่เลย
- Japan Rail แอพดูแผนที่รถไฟญี่ปุ่น ในรูปแบบคล้ายกับป้ายบนตู้ซื้อบัตรของญี่ปุ่น บางครั้งมันก็ช่วยคุณได้
12. ถ้าใช้ iPhone ให้ Siri ช่วยเป็นเลขา
- เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวหิมะตก : ถามสิริว่า “ข้างนอกอุณหภูมิกี่องศา”
- คนชอบถ่ายรูป: ถามสิริว่า “วันนี้พระอาทิตย์จะตกตอนกี่โมง”
- สำหรับกันพลาด: บอกสิริว่า “เตือนรถไฟมาตอน 1 ทุ่ม 43 นาที” ข้อนี้ใช้บ่อยมาก เพราะสิริทำงานไวกว่าตั้ง reminder เอง
13. เที่ยวญี่ปุ่นใช้อินเตอร์เน็ตมือถืออะไรดี?
ข้อข้างบนจะเห็นได้ชัดว่าสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนั้น มือถือ สามารถช่วยได้มหาศาล แต่ถ้าหากจะใช้มือถือเที่ยวญี่ปุ่น คุณต้องมั่นใจใน 2 อย่างที่จะพลาดไม่ได้ นั่นคือ แบตต้องไม่หมด (พก power bank เตรียมไว้) อินเตอร์เน็ตต้องเร็วและเพียงพอ
ทางเลือกอินเตอร์เน็ตและ 4G ที่ญี่ปุ่นจึงมีทางเลือกดังนี้
- ใช้ 4G แบบโรมมิ่งจากไทย
- ใช้ซิม 4G ของญี่ปุ่น
- ใช้ Pocket WiFi จากไทย
- ใช้ Sim2Fly ของ AIS
ต่อเน็ตวิธีที่1: ใช้ 4G แบบโรมมิ่งจากไทย
สำหรับการใช้ data roaming เมื่อก่อนจะมีแพ็กเกจที่เล็ก และเมื่อเกินแพ็กเกจจะมีอาการที่เรียกกันว่าเน็ตรั่ว ซึ่งอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ในปัจจุบัน 4G Data Roaming ก็มีโปรแบบเหมาอยู่ที่เริ่มต้นวันละ 280-299 บาท/วัน
ข้อสังเกต: การใช้ 4G Roaming Data จะทำให้คุณไม่สามารถใช้ WiFi Calling โทรเข้า-รับสายที่ราคาปกติผ่าน WiFi ได้ จึงจะเป็นการโทรเข้า-รับสายในราคาแบบโรมมิ่ง และโปรโมชั่นเหล่านี้จำเป็นจะต้องสมัครไว้ก่อนตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย
ต่อเน็ตวิธีที่2: ใช้ซิม 4G ของญี่ปุ่น
จัดเป็นทางเลือกที่สามารถทำได้ แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากความลำบากในการหา SIM ต้องดูโปรโมชั่นเปรียบเทียบของญี่ปุ่นแต่ละค่าย และสุดท้ายก็อาจได้ราคาที่แพงกว่าวิธีอื่น ถ้าหากเปรียบเทียบโปรโมชั่นไม่ดี ข้อดีคงเป็นการโทรในประเทศญี่ปุ่นราคาถูก งั้นอันนี้ข้ามไป
ต่อเน็ตวิธีที่3: ใช้ Pocket Wifi จากไทย
การใช้ Pocket Wifi ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีคนใช้งานอยู่ไม่น้อยในสมัยที่ยังไม่มีทางเลือกอินเตอร์เน็ตสำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นมากนัก
ข้อดี Pocket Wifi
- โทรออก-รับสายเบอร์เดิมได้ ผ่าน Wifi Calling
- สามารถเช่าทีเดียวแล้วใช้ Wifi Internet พร้อมกันหลายคน/หลายเครื่องได้
- มีแพ็กเกจอินเตอร์เน็ต Unlimited ให้เลือก (บางเจ้าไม่ติด FUP)
- จ่ายแบบเหมา
ข้อเสีย Pocket Wifi
- ถ้าเซ็ต WiFi Calling ผิด กลายเป็นโทรโรมมิ่งขึ้นมา ค่าใช้จ่ายบานตะไทแน่ๆ
- ต้องลุ้นผู้ให้เช่าให้ดี ลุ้นทั้งการบริการ ทั้งคุณภาพสัญญาน และเสียวโดนโกงค่าปรับ
- ไม่สะดวกเมื่อเที่ยวมากกว่า 2 คน ต้องไปด้วยกัน ห่างกันเกิน 10-20 เมตร อาจจะทำให้สัญญานหายได้
- แพ็กเกจ Unlimited ของหลายเจ้าติด FUP จะลดสปีดเมื่อใช้งานเยอะ ต้องเลือกให้ดี
- ทำ Pocket WiFi หายหรือพัง โดนปรับแพง บางที่เกือบหมื่น
- หลังจากกลับมาที่เมืองไทยต้องเสียเวลาเอา Pocket WiFi ไปคืนด้วย
- โอนเงินผ่าน App ไม่ได้อยู่ดี เพราะมันใช้ WiFi
- การใช้ Pocket WiFi ให้คุ้ม ควรเชี่ยวชาญ IT พอจะใช้ WiFi Calling แบบไม่รั่วได้ถึงจะคุ้ม และที่แย่คือเมื่อคู่ท่องเที่ยวของคุณพลัดหลงทางกัน อันนี้ซวย
ต่อเน็ตวิธีที่4: ใช้ Sim2Fly ของ AIS
Sim2Fly จัดเป็นผลิตภัณฑ์มาใหม่ที่แก้ปัญหาเรื่องเน็ตรั่วของโรมมิ่ง + คู่เดินทางแยกกันไม่ได้ของ Pocket WiFi หลังจากออกมาสู่ตลาดได้ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะราคาถูกแบบเหมาๆ หาซื้อง่ายๆได้ที่ AIS Shop หรือจะสั่งผ่าน AIS Online Store ก็สะดวกดี
Sim2Fly คือ ซิมโรมมิ่ง แบบเติมเงิน
ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ชื่นชอบการไปเที่ยวตปท.
ข้อดีของ Sim2Fly
- ซื้อครั้งเดียวจบ จัดแพ็กเกจมาดี
- โปร 4GB ภายใน 8 วัน มากพอสำหรับเที่ยวญี่ปุ่น
- โทรกลับไทย นาทีละ 6 บาท
- ไม่ต้องเป็นลูกค้า AIS ก็ซื้อได้
- ความน่าเชื่อถือของบริการจาก AIS ไม่ต้องลุ้นแบบ Pocket Wifi
- ไม่ต้องกังวลเน็ตรั่วเหมือนการโรมมิ่งปกติ ใช้เยอะเกินยังไงก็แค่เงินหมด (เติมได้)
- 1 เครื่อง 1 ซิม แยกกันเที่ยวได้ เกิดดูคนละร้านก็ไม่ต้องกังวลเหมือน Pocket Wifi
- วิ่งเต็มสปีดบนเครือค่าย NTT Docomo และ Softbank เครือค่ายมือถือที่นิยมและครอบคลุมมากที่สุดในญี่ปุ่น จากการทดสอบสัญญาน มีสัญญานเต็มเกือบทุกที่แม้ขึ้นกระเช้าขึ้นเขาไปดูภูเขาฟูจิ จะมีช่วงที่สัญญานหายคือช่วงที่รถไฟมุดอุโมง ซึ่งนี่ก็น่าจะครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดแล้ว
ข้อสังเกตของ Sim2Fly
- ต้องเปลี่ยนซิม ถ้าหากจะให้คนอื่นโทรเข้าเบอร์เดิมได้ ก็ต้องทำ call forwarding ซึ่ง เราจะรับสายที่ราคานาทีละ 6 บาท
- จึงเหมาะกับคนที่มาท่องเที่ยวที่ไม่จำเป็นต้องรับสายเรื่องงาน เราสามารถให้เบอร์ Sim2Fly กับญาติและคนสนิทเท่านั้นก็ได้ เพื่อการเที่ยวอย่างเป็นส่วนตัว อันนี้จะบอกว่าเป็นข้อเสียก็ไม่เชิง สำหรับบางคนจัดเป็นข้อดี ถ้าโดนตามงานระหว่างลาพักร้อนคงเซ็ง :D
- Mobile Banking อย่าง KBANK ใช้ K-Mobile Banking ระหว่างนั้นไม่ได้ เพราะเบอร์ไม่ตรงกับที่ลงทะเบียน จะโอนเงินให้เข้าผ่าน e-banking ทาง web บนมือถือแทน
- อินเตอร์เน็ต 4GB มากพอสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าใครต้องไปถ่ายทอดสด Facebook Live / YouTube Live ลองคำนวนเน็ตให้ดีก่อนเดินทาง
Sim2Fly Speedtest
เราหิ้ว Sim2Fly ไปญี่ปุ่นก็เพื่อการนี้ ไปพิสูจน์ให้คุณผู้ชมได้เห็นว่าแรงจริงเรื่องปิ้งย่างแค่ไหนถึงแดนปลาดิบ
วิวจากจุดที่นั่งปั่นงานด้วย Sim2Fly
เรื่องเก็บมาเล่า: ทำไม Sim2Fly ถึงจำเป็นในการไปเที่ยวต่างแดน
เรื่องเล่าเมื่ออยู่ญี่ปุ่น ซึ้งถึงความจำเป็นของซิมแยก ตอนที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ผมไปกับภรรยาสองคนเอาอินเตอร์เน็ตไปทดสอบ 2 ระบบ คือ Pocket Wifi และ Sim2Fly ในระหว่างทริปผมได้ทำตั๋วรถไฟไปเล่นสกี JR Tokyo Wide Pass มูลค่าหมื่นเยนหาย ซึ่งวันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายที่จะสามารถเล่นสกีได้ตามกำหนดการ เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีจะหมดเวลาทำงานของสถานีที่ออกตั๋วให้ ต้องรีบวิ่งไปอย่างเดียว เนื่องจากภรรยาก็เดินจนเหนื่อยแล้ว และผมก็เป็นคนผิดเอง อีกทั้งเวลาที่ต้องเร่ง ผมจึงขอลองวิ่งออกไปติดต่อศูนย์ออกตั๋วคนเดียวโดยให้ภรรยารอที่ร้านกาแฟในชั้นใต้ดินรถไฟสถานีใกล้ๆ ศูนย์ออกตั๋วอยู่อีก 2 บล็อกถนนบนดิน
หลังจากวิ่งออกมาได้สักพัก ผมสะดุดใจว่า เครื่องผมไม่ได้ใส่ Sim2Fly เอาไว้นี่หว่า เพราะเพิ่งคอนเนคแบบ Pocket Wifi ซึ่งเครื่องอยู่ในกระเป๋าฝากภรรยาไว้ (ไม่อยากสะพายวิ่งมาเดี๋ยวเหนื่อย+ช้า) ตอนนั้นมาได้ครึ่งทางแล้วยังไม่พ้นสถานีด้วยซ้ำ สถานีกว้าง คนพลุกพล่านมากทำให้เริ่มไม่แน่ใจทางกลับแล้ว เป็นห่วงภรรยาขึ้นมาทันที ผมเลยตัดสินใจกลับไปหาดีกว่า จะเดินกลับเท่านี้ยังงงทางเลย ถ้าไปถึงศูนย์ออกตั๋วสกีต้องวิ่งอ้อมไปอีกสองบล็อกถนน ผมเริ่มแน่ใจว่า “หลงทางชัวร์” พอเดินกลับจะหาร้านกาแฟก็หลงจริงๆ ใจคอไม่ดี เน็ตก็ไม่มี ชื่อร้านกาแฟก็ไม่ได้ถ่ายไว้ พยายามจะจำให้ได้ แต่คนญี่ปุ่นในสถานีรถไฟช่วงเลิกงานนั้นมากเหลือเกิน ใจหายแว้บ ค่อยๆ คลำไป คลำไป ไม่สนแล้วตั๋ว ฮือออ…
ผ่าง! … เจอร้านแล้ว
เดินเข้าไปหาภรรยาขอโทษว่าคงไม่ได้ไปแล้วนะสกี
ภรรยาทำหน้างงๆ แต่ผมน้ำตาจะไหล (จริงๆ) ที่มั่วกลับมาถูก
ตลอดทริปที่ติด Sim2Fly มารีวิวด้วยรอบนี้
ผมพยายามคิดมาตลอดว่า
“ทำไมต้องใช้ Sim2Fly ด้วยเมื่อเรามี Pocket Wifi”
จนในช่วงวิกฤติแบบนี้ ผมเข้าใจแล้ว
เข้าใจอย่างถ่องแท้เลย T_T
เรื่องที่คนไทยควรรู้เมื่อไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก
14. เรื่องของห้องน้ำ ส้วมญี่ปุ่นไม่มีที่ฉีดก้น
โถส้วมที่ญี่ปุ่นไม่มีที่ฉีดก้นเหมือนเมืองไทย แต่มีก้านฉีดล้างก้นอยู่ในโถซึ่งแต่ละโถก็ออกแบบแผงควบคุมไม่เหมือนกัน โชคยังดีที่ปุ่มมีสัญลักษณ์ ดูแล้วพอเดาได้
15. เรื่องของห้องน้ำ ทิ้งกระดาษชำระลงไปได้เลย
ในสุขาที่ญี่ปุ่นจะไม่มีถังขยะให้ทิ้งกระดาษชำระ หรือถ้ามีจะเล็กมาก เพราะญี่ปุ่นมีระบบชักโครกและท่อระบายน้ำดี สามารถทิ้งกระดาษชำระลงในชักโครกได้เลย (แต่ไม่ควรทิ้งผ้าอนามัยหรืออื่นๆ ที่อาจทำให้ท่อตันได้)
16. เรื่องของห้องน้ำ ส้วมปิดฝา = ส้วมสะอาด
ตรงกันข้ามกับเมืองไทยเต็มๆ ที่เมืองไทย ส้วมไหนปิดฝาไว้ มักจะแปลว่า กดไม่ลง หรือโชคร้ายหน่อยคือเจอน้องอุนจิลอยอยู่ด้วย แต่ที่ญี่ปุ่นพอใช้เสร็จ ให้ทำความสะอาดแล้วก็ปิดฝาซะ แปลว่าส้วมนั้นสะอาดเรียบร้อย
17. คนญี่ปุ่นไม่เก่งภาษาอังกฤษ
ความสนุกจุดนึงในการเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ตรงที่ เราไม่ชำนาญภาษาอังกฤษพอกัน บางคนพูดไม่ได้เลยแม้จะเป็นวัยรุ่น หลายคนไม่คล่องภาษายิ่งกว่าเราเสียอีก คุณต้องเข้าใจความรู้สึกเวลาฝรั่งมาถามทางเรา ตอนที่เราไม่ถนัดภาษาอังกฤษ อารมณ์เดียวกันเลย แต่ถ้าเล็งจะถามทางหรือจะคุยกับใครแล้ว ใช้เทคนิคก็ง่ายๆ คือไม่ต้องพูดเป็นประโยค แต่ให้พูดเป็นคำๆ เช่น
- แทนที่จะพูดว่า “Excuse me, where is the train station?”
- ให้ถามว่า “SORRY!-WHERE-TRAIN-STATION?”
ทำไม้ทำมือ ใช้ภาษากายช่วยด้วย แค่นี้ก็พอคุยกันรู้เรื่องแล้ว
แต่ที่น่าทึงคือ ความมีน้ำใจและความพยายามของคนญี่ปุ่น ถ้าหากสิ่งที่เราถามเขาไม่รู้ เขาอาจหายไปจนเราคิดว่าคงหนีอายกลับบ้านไปแล้ว หายไปสิบนาที แต่ที่จริงเขาวิ่งไปหาคำตอบให้อยู่ แล้ววนกลับมาช่วยพาเราไปจนได้ กรณีแบบนี้ นักท่องเที่ยวเจอกันหลายคน ทำเอาซะคนถามเกรงใจ (ซึ่งบางที กลับมาพาไป ยังพาไปผิดที่อี๊ก) อันนี้ก็ต้องระวังด้วย ว่าที่จะพาไปมันอันตรายรึเปล่า
18. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: ขึ้นบันไดเลื่อนชิดซ้าย
ขึ้นบันไดเลื่อนส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในโตเกียว ผู้คนจะยืนชิดซ้ายแม้เป็นแฟนมาด้วยกัน ทิ้งข้างขวาไว้ให้สำหรับคนที่รีบเร่ง แม้ว่าไม่มีคนก็ยืนชิดด้านซ้ายอยู่ดีนั่นแหละ แต่ลองสังเกตถ้าเป็นฝั่งคันไซจะยืนชิดขวา ลองดูว่าคนส่วนใหญ่เค้าชิดทางไหนกันแล้วก็ตามไปได้เลย
19. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: เข้าคิว แม้จ่ายเงินในเซเว่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระเบียบวินัย และให้ความสำคัญกับการเข้าแถวรอคิวน่าจะที่สุดในโลกก็เป็นได้ แม้ตอนที่ประสบภัยพิบัติ ผู้คนก็ยังต่อแถวรับเครื่องช่วยชีวิตกันอย่างเป็นระเบียบโดยไม่ต้องมีใครกำชับ ที่สำคัญถ้าหากนักท่องเที่ยวสักคนแซงคิว คนญี่ปุ่นก็จะไม่มีโวยวาย แต่โดนมองแรงแน่นอน
จุดทั่วไปอาจไม่พลาด แต่ในเซเว่นนี่มักจะพลาด เพราะเซเว่นบ้านเราใครจะซื้อของก็ตรงเข้าไปซองที่ว่างได้เลย ถ้าต่อแถวก็จะต่อแถวแยกเค้าเตอร์ แต่ที่ญี่ปุ่นเซเว่นจะเข้าแถวรวมเพื่อชำระเงิน บางทีมีเส้นขีดไว้เลยว่า ให้ไปเข้าแถวตรงไหน สังเกตให้ดีก่อนหน้าแตก ถ้าพลาดอย่าบอกนะว่ามาจากเมืองไทย ฮา
20. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: ไม่โทรศัพท์หรือคุยเสียงดังบนรถไฟ
ที่ญี่ปุ่นการคุยเสียงดัง-คุยโทรศัพท์ในรถไฟและลิฟท์ จัดเป็นการเสียมารยาท ระวังให้ดีอาจโดนมองแรงได้เช่นกัน คนญี่ปุ่นจะรอลงรถไฟไปก่อนจึงค่อยโทรกลับ
21. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: ไม่ควรให้ทิป
อ้าว งงเด้ … กะจะเป็นคนมารยาทดี กลายเป็นดูถูกเค้าซะงั้นไป ที่ญี่ปุ่นแทบจะไม่ให้ทิปกันเลย บางครั้งการไปให้ทิปยังทำให้คนให้บริการรู้สึกว่าโดนดูถูกอีกด้วย เค้าถือว่ามาทำงานได้เงินค่าจ้างแล้ว เค้าก็จะทำเต็มที่ของเค้าอยู่แล้ว แม้จะเป็นการขึ้นแท็กซี่ แม้ว่าต้องทอนแค่ 1 เยน เขาก็จะทอน
22. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: รับของสองมือ
ที่ญี่ปุ่น เมื่อคุณมีโอกาสได้รับของจากผู้อื่น ให้รับด้วยสองมือ จะถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้ให้ แล้วอย่าลืมขอบคุณเขาด้วยล่ะ “อาริกาโตะ-โกซาอิมัส” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ได้ใช้ตลอดเวลา
23. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: อย่าเดินกิน
ข้อนี้ขัดกับนิสยคนไทยเป็นอย่างมาก ถ้าได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งอร่อยๆ หรือไอศครีมละก็นะ โอย เราก็อยากเดินเที่ยวไปกินไปด้วยฟินจะตายไป แต่ที่ญี่ปุ่น การเดินไปกินไปนี่เสียมารยาท แต่หยุดเดินยืนกินได้ หลายๆที่จะจัดที่กินไว้ให้เฉพาะ บางคนเดินกินหน้าร้านเค้าอาจถึงกับโดนคนญี่ปุ่นไล่เลยทีเดียว ซึ่งข้อนี้ทำก็ผูกกับข้อต่อไป
24. ถังขยะจะหายากไปไหน
ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่มีถังขยะน้อยมากแม้ในโตเกียว แต่เมืองกลับสะอาดสะอ้าน เพราะทุกคนทิ้งขยะเป็นระเบียบ แน่นอน เราคนไทยก็ฝึกนิสัยทิ้งลงถังมาเหมือนกันแต่มันไม่มีถัง! ถังข้างนอกสามารถหาได้ส่วนใหญ่ที่เซเว่น ร้านสะดวกซื้อ คนเลยนิยมกินในร้านให้เสร็จแล้วทิ้งเลยไง ไม่เดินกิน :D ในกรณีที่ไม่มีที่ทิ้งให้เก็บกลับไปทิ้งที่บ้านหรือโรงแรม
25. ศัพท์ที่ใช้เป็นแล้วชีวิตดี
ก็เหมือนเวลาเราเห็นฝรั่งพูด “สวัสดีขรั่บ” ได้ แล้วเรารู้สึกว่า ฝรั่งคนนี้น่ารักจัง ความรู้สึกแบบนี้ก็เป็นกับทุกชาติไม่เว้นแม้แต่คนญี่ปุ่นที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษมากพอๆกับเรา ถ้าหากคุณพูดภาษาบ้านเขาได้บางคำ เขาก็ประทับใจแล้ว อาจทำให้คุณได้รอยยิ้มและบริการโบนัสจากเขาได้เลย
อาริงาโตะ โกซาอิมัส~ แปลว่า “ขอบคุณมากครับ/ค่ะ” ใช้ได้เกือบทุกที่ตลอดทริปตั้งแต่ก้าวแรกยันก้าวสุดท้าย คนญี่ปุ่นเป็นคนที่จะให้เกียรติคนอื่นมากขึ้นเมื่อได้รับ พูดได้บ่อยมากๆ เวลาคนมาเสริฟ มาทำอะไรให้ ดีกว่าการให้ทิป (ไม่ควรให้) อีกด้วยซ้ำไป ใครได้ยินก็สะดุดมองว่า เห้ย นักท่องเที่ยวคนนี้มันเป็นงานเว้ย
โออิชิ~ แปลว่า “อร่อยยยย” ยิ่งถ้าทำท่าทางผสมด้วยแล้ว สามารถทำเอาเชฟบางคนยิ้มไม่หุบได้เลยทีเดียว แหม่ ใครมาชมผลงานตัวก็ย่อมดีใจเหมือนบ้านเรานั่นแหละ
26. กดเงินเยนจากธนาคารไทยโดยไม่ต้องแลกเงิน
การวางแผนแลกเงินเยนจากเมืองไทยไป ก็อาจช่วยให้คุณได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดี แต่อย่าลืมว่าการพกเงินเยอะ ก็มีต้นทุนด้านความปลอดภัยที่มองไม่เห็นเช่นกัน การพกเงินสดเกิดอุบัติเหตุทำหายเมื่อไหร่ก็ได้ ทางเลือกต่อมาคือ การไปกดเงินเยนที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับธนาคารไทยคุณสามารถกดเงินเยนได้จากตู้ ATM ของ 7-Bank ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันได้เลย โดยเสียค่ากดเพิ่มครั้งละ 100 บาท ฟังดูคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความปลอดภัย
7-Bank คือธนาคารของ 7-Eleven แน่นอนว่าตู้ ATM 7-Bank ก็มักจะหาได้ใน 7-Eleven ของญี่ปุ่น (เกือบทุกสาขา) เพียงแต่ที่ญี่ปุ่น 7-Eleven ไม่ได้มีเยอะทุกมุมถนนเหมือนกับที่เมืองไทยเท่านั้นเอง
27. หาร 3 ประมาณราคาสินค้ากระทันหัน
ค่าเงินของเราเมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่นปี 2017 อยู่ที่ประมาณ 1 บาท = 3 ¥ เมื่อเจอราคาสินค้าเราสามารถประมาณเป็นเงินบาทได้ด้วยวิธีการหาร 3 ไปเลย จะทำให้ประเมินราคาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น 1,000 ¥ หารสามก็ได้ประมาณ 333 บาท ปัดขึ้นรวมค่ากดเงินเป็น 350 บาทกลมๆ ไปเลยก็ได้
28. นั่งรถไฟข้ามจังหวัด จองที่นั่งก่อนดีกว่า
เมื่อคุณไปเที่ยวด้วยกันหลายคนแล้วซื้อตั๋วรถไฟ แต่ไม่ได้จองที่นั่ง คุณจะได้ไปอยู่ตู้คนไม่จองนะ ทุกอย่างก็เหมือนตู้จองนั่นแหละ เพียงแต่คุณน่าจะไม่ได้นั่งติดกับคนที่มาด้วยกัน เพราะเขานั่งกระจายกันไปหมดแล้วน่ะสิ ถ้าเป็นแค่ไม่กี่สถานีในเมืองก็ไม่เป็นไรหรอก เหมือนบีทีเอส ยืนแป๊บเดียวก็ถึง ที่นั่งคุณสามารถจองได้ฟรี บนเว็บไซต์หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว ลองสอบถามว่า “where seat reservation”
29. รถเมล์ไม่ทอนเงิน
ถ้ามีเงินพอดีก็หรือเกินก็หยอดไปเลย ดังนั้นการขึ้นรถเมล์ ถ้าหากมีบัตรเงินสดแบบ Suica ก็จะสะดวกมากกว่า บัตรนี้สามารถขึ้นรถเมล์-รถไฟได้เกือบทั่วญี่ปุ่น แล้วก็ใช้แทนเหรียญกดน้ำจากตู้น้ำส่วนใหญ่ได้ ใช้ซื้อของใน 7-Eleven, Lawson, Family Mart เรียกว่าสะดวกมากถ้าแลกเงินใส่บัตรนี้ไว้ ส่วนลดไม่ได้ แต่ได้ความสะดวก ราคาบัตรเริ่มต้น 1000 เยน มีมัดจำในบัตร 500 เยน เหลือใช้ได้ 500 เยน
30. ของหายได้คืน
ที่ญี่ปุ่นจัดเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก ถ้าเป็นเมืองไทยใครเจอกระเป๋าคงหิ้วกลับบ้านปแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่น ใครเจอของก็มักจะเอาไปฝากไว้ที่หน่วยงาน Lost & Found ตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ เฉพาะร่มที่ถูกลืมทิ้งไว้ในเขตโตเกียวมีมากถึงเกือบ 4 แสนคันต่อปี ดังนั้นถ้าหากคุณทำอะไรหาย ก็ลองไปแจ้งที่หน่วยงานนี้ก่อน เตรียมข้อมูลหรือรูปภาพให้แน่ใจว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะอย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่ก็อาจไม่สะดวกภาษาอังกฤษเท่าไหร่เหมือนกัน แต่ใจดีและพร้อมช่วยเหลือสุดกำลัง
. . .
และทั้งหมดนี้ก็จัดเป็นเคล็ดลับสำหรับคนสนใจจะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง จากประสบการณ์ของแอดมิน ที่อยากแนะนำให้ลองมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นการเปิดโลกที่คุ้มค่าที่สุดที่หนึ่งในชีวิต ถ้าหากคุณอยากมองเห็นโลกในอีกแบบ ได้รู้จักผู้คนที่แสนจะมีมารยาทและให้เกียรติผู้อื่น ได้เจอเมืองที่วุ่นวายสุดๆ ในขณะที่ต่างจังหวัดก็ชิลเสียไม่มี
ครั้งหนึ่งในชีวิตนึง ต้องลองมาเดินดูชีวิตที่ญี่ปุ่น
แล้วคุณจะได้มุมมองใหม่ๆกลับไปอีกเยอะเลย :)
The post 30 เคล็ดลับเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ของ+แอพที่ต้องเตรียม-มารยาท-อินเตอร์เน็ต 4G ที่ญี่ปุ่น appeared first on iUrban.
Credit: 30 เคล็ดลับเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ของ+แอพที่ต้องเตรียม-มารยาท-อินเตอร์เน็ต 4G ที่ญี่ปุ่น Web: iURBAN Fanpage: facebook.com/iURBAN.in.th
Comments
Post a Comment