เคล็ดลับทำงานผนังปูนให้แข็งแรง ไม่แตกร้าว at iURBAN
เคล็ดลับทำงานผนังปูนให้แข็งแรง ไม่แตกร้าว
6 อย่าทำ 10 ต้องทำ
เมื่อพูดถึงบ้าน องค์ประกอบสำคัญของบ้านอย่างหนึ่งก็คือ “ผนัง” ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบไหน สไตล์ไหน จะเป็นสไตล์Loft โชว์เนื้อแท้วัสดุ อย่างอิฐ ปูน สไตล์โมเดิ้น เน้นสีขาวสะอาดตา หรือแนวคันทรี เล่นสีสันที่ผนัง ก็มักจะหนีไม่พ้นผนังที่ต้องใช้ปูนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้นนอกจากจะให้ความสำคัญกับแบบบ้าน คนรักบ้านอย่างเรา ถ้าคิดจะตกแต่งต่อเติมหรือสร้างบ้านจึงควรมีความรู้ในเรื่องพื้นฐานสำคัญๆอย่างผนังปูนกันไว้
วันนี้ iUrban เลยจะนำเสนอ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการทำงานผนังปูนทั้งก่อ และฉาบ ทำอย่างไรให้ผนังปูนมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่แตกร้าว อายุการใช้งานยาวนาน รู้ไว้แม้ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ก็จะได้แนะนำช่างที่เราจ้างมา ให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง
อ่านให้จบนะคะ แล้วคุณจะเข้าใจว่างานปูนไม่ใช่งานที่จะทำยังไงก็ได้ หรือทำชุ่ยๆ มันเป็นงานระดับฝีมือ หรือที่เรียกว่า Craftmanship จริงๆ ต้องใส่ใจ เอาใจใส่พอสมควร อ่านจบแล้วคุณก็จะเข้าใจว่าทำไม งานผนังปูนหลายๆที่จึงมีปัญหามากนัก เริ่มกันตั้งแต่ต้นก่อนลงมือสร้าง เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาดีกว่าค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จำไม่ยาก เทคนิค “6 อย่าทำ 10 ต้องทำ” กับงานปูน โดยอาจารย์สำเริง ฤทธิ์พริ้ง วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้าง มาเริ่มกันที่10ต้องทำกันก่อนเลยค่ะ
10 ต้องทำ เพื่อผนังปูนแข็งแรง ไม่แตกร้าว มีอะไรบ้าง
1. ต้องนำอิฐแช่น้ำก่อนก่อ 1 ชั่วโมง
เราจะเห็นได้ค่อนข้างบ่อยว่าพี่ช่าง มักจะมีการนำอิฐไปแช่น้ำในถัง หรือใช้สายยางฉีดน้ำเพื่อให้อิฐเปียก วิธีการนี้จะช่วยให้อิฐอิ่มน้ำ อิฐจะได้ไม่มีการแย่งน้ำจากเนื้อปูนก่อ ทำได้ทั้งการรดน้ำให้ชุ่ม หรือแช่น้ำเลยก็ได้ แต่ก่อนจะนำมาใช้งานก่อ ต้องผึ่งลมให้ผิวด้านนอกหมาดตัวดีเสียก่อน แล้วจึงนำมาใช้งานต่อไป..เป็นงานที่ต้องพิถีพิถันมากทีเดียวนะเนี่ย..
2. ต้องก่อสลับแนว
แม้ว่าผนังทั่วไปจะเน้นการก่อแบบครึ่งแผ่นอิฐ หรือก่ออิฐแถวเดียวซึ่งดูไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อนมากนัก แต่ก็ควรก่อสลับแนว เพื่อการยึดประสานกันระหว่างชั้นอิฐ ให้ผนังออกมามีความแข็งแรง ทนทาน
3. ต้องไม่ให้ชั้นปูนก่อหนาเกิน 1.5 เซนติเมตร
ในกรณีที่ใช้อิฐมอญ และอิฐบล็อค ชั้นปูนก่อไม่ควรหนาเกิน 1.5 เซนติเมตร เนื่องจากจะทำให้สิ้นเปลืองเนื้อปูน และยังทำให้เกิดการทรุดตัวมากเกินความจำเป็นเมื่อชั้นปูนก่อเริ่มแห้ง (เป็นการทรุดตามปกติ ไม่เป็นอันตราย) และยังจะทำให้ผนังปัญหาโน้มเอียงไม่ได้ดิ่งได้อีกด้วย
ยกเว้นอิฐมวลเบา ที่ตัวเนื้อปูนเป็นปูนกาวพิเศษที่เสริมแรงยึดเกาะ ที่การก่อจะบางเพียง 2-3 มิลลิเมตรเท่านั้น
4. ต้องมีเสาเอ็นและคานทับหลัง
เสาเอ็นและคานทับหลัง ควรมีทุก ๆ ระยะความกว้าง 2.5 เมตร และความสูง 1.5 เมตร เพราะจะทำหน้าที่กระจายน้ำหนักของอิฐก่อผนัง และช่วยไม่ให้ผนังพังพับลงมาได้ ความกว้างของเสาเอ็นและคานทับหลังควรกว้างไม่น้อยไปกว่า 15 เซนติเมตร และหนาเท่ากับความหนาของอิฐ โดยควรมีการเสริมเหล็กโครงสร้างภายในก่อนการหล่อ เพื่อความแข็งแรงด้วย
5. ต้องมีเสาเอ็นที่มุมกำแพง
เช่นเดียวกับเสาเอ็นที่แทรกตัวระหว่างกำแพง เสาเอ็นจะทำหน้าที่เป็นโครงให้ผนังยึด เราไม่ควรก่ออิฐเป็นมุมโดยไม่มีเสา เนื่องจากแนวอิฐจะไม่มีโครงอะไรให้ยึด และส่งผลต่อความแข็งแรงในระยะยาวได้
6. ต้องมีเสาเอ็นที่วงกบประตูและหน้าต่าง
ทุกช่องเจาะ ควรมีเสาเอ็นและคานทับหลังล้อมเป็นกรอบไว้ เพื่อช่วยเป็นโครงให้กับวงกบประตูหรือหน้าต่าง ซึ่งจะมีการขยับเขยื่อนจากการเปิดปิดตลอดเวลา ช่วยกระจายแรงกระทำต่อผนังอิฐ และไม่ควรลืมติดลวดตะแกรงกรงไก่ที่มุมวงกบด้วย เพื่อช่วยกระจายแรงให้กับชั้นปูนฉาบด้วย
7. ต้องเสียบเหล็กหนวดกุ้งทุกระยะ
ผนังอิฐที่แข็งแรง จะต้องมีตัวช่วยยึดชั้นก่ออิฐกับเสา ซึ่งเราใช้วิธีการเสียบเหล็กเส้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร เสียบไปในเสาคอนกรีต ให้มีความยาวส่วนที่ยื่นออกมาไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร เพื่อยึดให้ผนังอิฐมีความแข็งแรง ไม่หลุดออกจากแนวเสา หรือล้มลงมา
8. ต้องรดน้ำอิฐก่อนการฉาบ
หลังจากก่อเสร็จแล้ว เราควรทิ้งช่วงให้ชั้นปูนก่อเซ็ทตัว ก่อนทำการฉาบต่อไป ซึ่งก่อนฉาบ 1 วัน ควรมีการรดน้ำให้ชุ่ม ทิ้งไว้ก่อน และรดน้ำซ้ำอีกครั้งในเช้าวันฉาบ เพื่อป้องกันอิฐแย่งน้ำจากเนื้อปูนฉาบ ซึ่งจะทำให้เกิดการแตกร้าวได้
9. ต้องใช้เครื่องผสมปูนฉาบ
แม้ว่าการใช้จอบแบบดั้งเดิมจะผสมปูนได้เช่นเดียวกัน แต่เนื้อปูนจะเข้ากันได้ดีกว่า หากเราใช้เครื่องมือผสม อย่างสว่านไฟฟ้าติดใบกวน หรือเครื่องผสม เพราะการตีเนื้อปูนด้วยเครื่องมือเหล่านี้ จะทำให้เนื้อปูนเข้ากันได้ดีกว่าการผสมด้วยมือ ช่วยให้เนื้อปูนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
10. ต้องรดน้ำต่อไปอีกเพื่อบ่มผนัง
น้ำเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความแข็งแกร่งของปูน ดังนั้น เพื่อให้เนื้อปูนมีน้ำเพียงพอต่อการทำปฏิกิริยานั้น ควรมีการรดน้ำผนังที่ฉาบเสร็จแล้วต่อไปอีกวันละอย่างน้อย 1 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 3-7 วันหลังฉาบเสร็จ น้ำที่นองในไซท์งานจากการรดน้ำอาจจะทำให้การทำงานในส่วนอื่นลำบากไปบ้าง แต่ไม่ควรละเลย เพราะการทำงานในขั้นตอนนี้จะส่งผลต่อการป้องกันการแตกร้าว และความแข็งแกร่งของผนัง
เก็บ 10 check list นี้ไว้ตรวจการทำงานของช่าง แล้วมาดูกันว่าอะไรห้ามทำ ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งในงานปูน
6 ข้อ อย่าทำ!
1. อย่าก่ออิฐภายในวันเดียว
งานก่ออิฐเป็นงานที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของผนัง แม้ว่าอาจดูเป็นงานที่น่าจะทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียว แต่ปูนที่นำมาก่อนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาในการเซ็ทตัวและพัฒนาความแข็งแรง รวมถึงน้ำที่ระเหยออกจากเนื้อปูนจะทำให้ปูนยุบตัวลงเล็กน้อย แม้จะเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ก็ส่งผลให้เกิดการแตกร้าวของผนังหลังฉาบได้เช่นกัน
ดังนั้นควรวางแผนให้มีการก่อผนังและมีระยะเวลาสำหรับหล่อเสาเอ็นและคานทับหลังเมื่อก่อได้ระยะความสูง หรือกระทั้งควรเว้นระยะชนท้องคาน เพื่อให้ปูนยุบตัว ก่อนมีการก่ออิฐชั้นสุดท้าย
2. อย่าก่ออิฐชนท้องพื้นสำเร็จของชั้นบน
เพราะพื้นสำเร็จมักจะให้ตัวได้ การก่อผนังจนชนท้องพื้นสำเร็จ จึงอาจทำให้เมื่อพื้นสำเร็จให้ตัว ทำให้เกิดแรงกดลงบนสันของผนัง แรงกดนี้จะทำให้เกิดการแตกร้าวของผนังได้
3. อย่าก่ออิฐบนพื้นสำเร็จรูป หรือพื้นที่ไม่มีคานรับ
เพราะพื้นสำเร็จจะมีความสามารถในการให้ตัว และอาจไม่ได้แข็งแรงพอรับน้ำหนักของผนัง การก่ออิฐเสมือนการเอาน้ำหนักไปวางไว้บนแผ่นไม้ น้ำหนักยิ่งมากพื้นอาจจะมีการแอ่นตัว
หรือที่ร้ายแรงกว่า คือแผ่นพื้นสำเร็จจะแตกหัก วิศวกรควรออกแบบให้ผนังอิฐตั้งอยู่บนคานโครงสร้างที่มีการเสริมเหล็กและออกแบบส่วนผสมคอนกรีตให้รับน้ำหนักได้ เว้นแต่จะออกแบบไว้
4. อย่าฉาบเร็วเกินไป
งานฉาบเป็นงานที่ต้องอาศัยความพิถีพิถัน ช่างปูนกว่าจะสามารถทำงานฉาบได้อาจต้องมีประสบการณ์ด้านงานอื่นๆ มาเป็นเวลานานก่อนจะได้รับความไว้วางใจให้ทำงานฉาบ
คงจะผิดพลาดมหันต์ถ้าเราเร่งรัดขั้นตอนการฉาบกับงานที่คาดหวังความสวยงาม และความคงทนยาวนาน ควรใส่ใจขั้นตอนฉาบให้มาก เพราะเป็นเหมือนการปั้นแต่งผิวหน้าให้เรียบเนียน พร้อมสำหรับการตกแต่งในขั้นตอนสุดท้าย เราคงไม่อยากได้ผนังที่มีคลื่น นูนต่ำไม่เท่ากัน หรือมีเม็ดทรายโผล่ออกมาที่ผิวมากเกินไป
ซึ่งบางครั้ง การปิดผิวด้วยสี หรือกระเบื้องอีกชั้น ก็อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้อีกแล้ว
5. อย่าฉาบหนาเกินไป
แม้ว่าชั้นปูนฉาบจะเป็นชั้นที่ปิดผิวผนังให้ดูเรียบร้อย แต่ก็ไม่ควรฉาบให้หนาเกินไป เพราะชั้นปูนฉาบจะแห้งช้าลง ทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการทำงานได้ อีกทั้งจะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องน้ำหนัก
หากจำเป็นจริง ๆ เช่น ผนังก่ออิฐมีการโน้ม หรือโน้มไปด้านหลังบางส่วน ทำให้ต้องเพิ่มความหนาของปูนฉาบ แนะนำให้เติมปูนในส่วนที่อิฐโน้มไม่ได้ดิ่งนั้นก่อน จากนั้นทิ้งไว้ให้ปูนเซ็ทตัว ก่อนจะฉาบปิดผิวหน้าให้ได้ระนาบ
6. อย่าเห็นแก่วัสดุราคาถูก
วัสดุก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ใช้ประกอบขึ้นมาเป็นบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งต้องการความแข็งแรงทนทานใช้งานยาวนาน แต่ความจำกัดของงบประมาณอาจทำให้หลายคนเลือกวัสดุที่ราคาถูก และเน้นที่ความสวยงามเป็นหลัก
การทำให้ราคาถูกลงในหลายๆ ครั้งหมายถึงการลดคุณภาพให้เหลือแค่ระดับมาตรฐาน วัสดุราคาถูกอาจสามารถสร้างขึ้นเป็นบ้านหนึ่งหลังได้ แต่อายุการใช้งานอาจต่ำกว่าที่คาดหวัง ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป อาจต้องมีการซ่อมแซม
และนั่นคือเทคนิคทั้งหมดในการช่วยให้งานผนังปูนออกมาทนทาน สวยงาม ลดโอกาสแตกร้าวได้ดี ผนังปูนที่สวยงาม ก็ทำให้บ้านสวยดูดี โดยไม่ต้องทำอะไรมาก ในทางตรงข้าม บ้านที่มีปัญหาผนังปูนแตกร้าว แก้ไขได้ยาก บางครั้งถึงกับต้องทุบทำใหม่ จะเห็นว่าการทำผนังให้สวยงามไม่แตกร้าวและแข็งแรงทนทานนี่ ถือเป็นงานฝีมือจริงๆ ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์
ต้องขอบคุณข้อมูลดีๆจากปูนเสือที่ทำให้เรื่องยากๆ แก้ปัญหาไม่ตก เป็นสูตรสำเร็จ จำได้ง่ายๆ แต่ถ้าใครอยากได้ทางเลือกเรื่องปูนซีเมนต์ที่ดี วีธีการเลือกปูนให้เหมาะกับงานที่คุณต้องการ เทคนิคงานปูนแบบต่างๆ รวมถึง DIY ที่ต้องใช้ปูน ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tigerbrandth.com มีครบทุกเรื่องน่ารู้ ปูนๆเลยค่ะ อ่านง่าย เห็นภาพชัดเจน
ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก “ปูนเสือ” www.tigerbrandth.com และ www.facebook.com/TigerBrandTH
The post เคล็ดลับทำงานผนังปูนให้แข็งแรง ไม่แตกร้าว appeared first on iURBAN.
Credit: เคล็ดลับทำงานผนังปูนให้แข็งแรง ไม่แตกร้าว Web: iURBAN Fanpage: facebook.com/iURBAN.in.th
Comments
Post a Comment